Peter Pan Syndrome : ถึงจะไม่อยากแต่ก็ต้องโต

ที่ตั้งชื่อว่า “Peter Pan Syndrome : ถึงจะไม่อยากแต่ก็ต้องโต” ก็เพราะว่าฉันเป็นโรคนี้น่ะสิ โรคที่ไม่อยากโต จนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้หายจากโรคนะ แค่รู้จักปรับตัว ฉันแค่ปรับตัวเป็นแล้วมากกว่า

kodakpro100022.jpg

ฉันเป็นวัยทำงานมาได้ 3 เดือนกับอีก 5 วันแล้ว เพื่อนหลายคนบอกว่าฉันยังเหมือนเดิม เด๋อเหมือนเดิม ซุ่มซ่ามเหมือนเดิม ขี้ลืมเหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไป เอ..ฟังดูทะแม่งๆ ยังไงไม่รู้ ไม่รู้ว่าที่พูดเพราะมองว่ายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่สักที หรือมองว่าฉันก็ยังเป็นฉันคนเดิม
แต่ก็มีบางคนอีกเหมือนกัน (บางมากๆ ฮ่าๆๆ) ที่บอกว่าฉันดูโตเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิมตั้งเยอะแน่ะ ฟังดูน่าภูมิใจ เพราะอยากเป็นผู้ใหญ่มาโดยตลอด บ้าบอมาก จริงๆ แล้วอาจเป็นเพราะว่าฉันเลือกทำงานในสายศิลป์ ทำสื่อสิ่งพิมพ์ไรงี้ เลยไม่จำเป็นต้องใส่ยูนิฟอร์มประจำบริษัท ซึ่งมันก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย เสียตรงที่สามารถแต่งตัวได้ตามสบาย สบายจนขาดความน่าเชื่อถือไปเลย ฮ่าๆ ถึงจะอยากคีพลุคแต่งตัวภูมิฐานมากแค่ไหนก็ตาม แต่สุดท้ายฉันก็เลือกแค่ใส่อะไรที่ทำให้รู้สึกสบาย สบายทั้งกายสบายทั้งใจ น่าจะเหมาะกับฉันที่สุดแล้ว ช่างปะไรเนอะ
บริษัทที่ฉันทำงานเป็นบริษัทญี่ปุ่น นิตยสารแจกฟรีภาษาญี่ปุ่นมีทั้งหมด 3 ไลน์ด้วยกัน ได้แก่ lanna runna (เล่มนี้แจกที่เชียงใหม่อย่างเดียว), furicopi (เพื่อนกันฉันแม่บ้าน อยู่ว่างๆ หาอะไรทำดีกว่างี้ กลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มแม่บ้านญี่ปุ่นที่ติดสอยห้อยตามสามีที่มาทำงานในไทย), banmeshi (บรรดาหนุ่มออฟฟิศทั้งหลาย เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานก็ต้องไปที่นี่แหละ) ก่อนหน้านี้คือคนญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดเลย เมื่อเกือบๆ กลางปีก็ได้ออกนิตยสารแจกฟรีภาษาไทยแต่เรื่องราวข้างในเป็นเรื่องความเป็นญี่ปุ่น เพื่อให้คนไทยได้รู้จักมากขึ้นชื่อนิตยสาร KIJI ตอนนี้คนญี่ปุ่นกับคนไทยเลยมีครึ่งต่อครึ่ง ตอนที่สมัครก็ชอบความเป็นญี่ปุ่นมาก โย่ซัง (เจ้านายฉันเอง) คงจะเห็นประกายความอินญี่ปุ่นในแววตา ก็เลยได้งานแบบงงๆ เอาจริงเงินไม่ได้เยอะหรอก แทบไม่พอกินด้วยซ้ำ แต่ก็ทำเพราะอยากทำนั่นแหละ (อ่า ยังไม่โตจริงด้วยแฮะ คิดอะไรตื้นๆ)
หลายคนอาจจะคิดว่า เห้ย บริษัทญี่ปุ่นต้องเข้มงวด ต้องเป็นระเบียบ ต้องจริงจังตลอดเวลาแน่เลย แต่ไม่ใช่เลย ผิดทั้งหมด ฮ่าๆ ตลอดสามเดือนฉันเจออะไรเยอะมาก เยอะจนต้องคอยพูดกับตัวเองอยู่เสมอ “นี่ถึงจุดที่ต้องทำอะไรแบบนี้แล้วอ่อ?” อืม หลายเรื่องก็ทำให้ตื่นเต้น และหลายเรื่องก็ทำให้เบื่อ สุขๆ เศร้าๆ เหงา(มาก) ปนกันไป การใช้ชีวิตตัวคนเดียว ไม่ยากเท่ากับการที่ต้อง หาเงินเพื่อใช้หล่อเลี้ยงชีวิตตัวคนเดียว ถึงจะไม่อยากโต แต่ยังไงยังสักวันก็ต้องโตอยู่ดี (อื้อหือ นี่โบหรือปีเตอร์แพน) นี่สิน้า..ที่เรียกว่า “การเติบโต”
เฮ้! ทุกคน ฉันกำลังเติบโตแหละ เป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ.

Missing you it’s nothing new

ไอ้อาการอยากนอนต่อ เพียงเพราะอยากฝันเรื่องเดิมนี่มันเหมือนเป็นโรคประจำตัวของฉัน น่าหงุดหงิดชะมัดเลยแฮะ เพราะรู้อยู่แก้ใจดีว่ามันเป็นไปไม่ได้  ‘ฝัน’ สำหรับฉันเลยกลายเป็นเรื่องที่สามารถเป็นจริงได้ แต่เป็นจริงได้แค่ครั้งเดียว เผลอทำหลุดมือไปคงตกแตก ไม่ก็ปลิวหายไป เฮ้อ บอบบางจังเลยนะความฝันเนี่ย
เผลอหลับไปตอน 3 ทุ่ม ตกใจตื่นเอาตอน 5 ทุ่มกว่าๆ พยายามจะหลับต่อนั่นแหละ แต่ทำไม่ได้ ไม่รู้สิ..ฝันถึงแกอะ คุณมีวิธีจัดการกับความคิดถึงยังไง? ถ้าหากรู้ว่าบอกไปตรงๆ ไม่ได้
คำถามนี้ตอบยากจัง คงเป็นเพราะฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันนึงเราจะหายไปจากชีวิตของกันและกัน เคยคิดว่าคงจะไม่รู้สึกอะไรมาก เราแค่หายจากกันไปเอง แต่กลับไม่ใช่เลย ทุกความสัมพันธ์จะมีฝั่งที่อาวรณ์มากกว่า และอีกฝั่งที่จางหายไป ซึ่งเป็นฝั่งของแก ไม่ใช่เรา..
เราคงจะไม่มีวันได้พบกันอีก ใช่ไหม
พึ่งรู้แหละว่าจะเศร้าขนาดนี้ และก็พึ่งรู้อีกเหมือนกันว่า ชอบเขียนบันทึกบ่อยๆ ตอนที่รู้สึกหม่นมากๆ อืม..ตอนที่มีความสุข ฉันคงดื่มด่ำกับมันมากกว่าที่จะมานั่งเพ้อเจ้อแบบนี้มั้ง
เกลียดตัวเองจัง ที่จะต้องมานั่งบ้าบอถึงความทรงจำเก่าเก็บเพียงลำพัง โลกนี้แม่งไม่ยุติธรรมที่ปล่อยให้คิดอยู่ฝั่งเดียว แม้ความสัมพันธ์นั้นมันจะจืดจางจนแทบมองไม่เหนแล้วก็ตาม
คิด ถึง แก
นอนต่อดีกว่า
6/11/2017

 

Saudade (sf.Portuguese)

20f8cdb1f8a7ad83965a70a3dde4bd05
เราเคยรู้สึกคล้ายๆ แบบนี้เมื่อสองเดือนก่อน
มันค่อนข้างแปลกที่เวลาเรารู้สึกหม่นในใจ เรามักเลือกเขียนมันลงไป
..
หนึ่งคำสอนของแม่ที่จำมาตลอดคือ ‘เราต้องช่วยเหลือตัวเอง อย่าหวังพึ่งใคร’ ทำให้เราคิดมาเสมอว่าเราสามารถจัดการชีวิตได้ด้วยตัวเอง พยายามพึ่งคนอื่นให้น้อยที่สุด ใช่ เราทำได้ แต่ไอ่ความคิดพวกนี้มันทำให้เราบกพร่องเรื่องความสัมพันธ์
ตอนที่เราเชื่อมั่นในอะไรซักอย่างมากๆ พอตัดสินใจลงมือทำไปแล้วไม่เป็นไปอย่างที่หวังไว้ ก็ทำตัวไม่ถูกเลย ยังไม่ได้คิดวิธีแก้ไว้ด้วยสิ มันรู้สึกแย่ แย่ที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ แย่ที่เราไม่รู้จะหันไปหาใครดี แย่ที่ต้องยอมรับความจริงและเดินต่อไปโดยลำพัง
เราเป็นคนธรรมดาที่บางครั้งก็กลัวว่าอนาคตมันไม่ใช่สีที่เราชอบ ไม่ใช่ช็อคโกแลตที่เราชอบกิน กลัวว่าอยู่ดีๆ มันจะกลายเป็นเอสเพรสโซ่รสขมซักช็อตที่เรากลืนไม่ลง มันแย่จังเลยเนาะ ถ้าสิ่งที่เราคิดว่าทำแล้วมันต้องเป็นเรื่องที่ดีแน่ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่สุดท้ายผลกลับสวนทาง การตัดสินใจที่ผิดไปก็คงมาจากความกลัวโง่ๆ ของเรานี่แหละ
ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างต้องใช้เวลา แค่อดทนเท่านั้นแหละ.. โคตรเกลียดเลย ที่พอเวลาผ่านไปแล้วมันดีขึ้นจริงๆ อืม ไม่รู้เหมือนกัน อย่างน้อยชาลส์ บูเคาว์สกีก็บอกไว้นะว่า ถ้าสูญเสียจิตวิญญาณไป และรู้สึกได้ ก็ดีแล้วนี่ เพราะอย่างน้อยยูก็เคยมีนะ…
เอ้อ ก็ได้วะ เคยมีก็เคยมี.

 

do not disturb – many fish is happy :>

เวลาว่างประมาณหนึ่งชั่วโมงจากการนั่งเรือข้ามเกาะ เค้าทำอะไรกันนะ..
000022-หนุ่มละตินที่สวมเสื้อกล้ามสีเหลือง นั่งใกล้เราที่สุด เป็นผู้โชคดีได้เป็นนายแบบของเราเป็นคนแรก เสพดนตรีจากมือถือเครื่องเก่งตลอดทางเลย เพลินน่าดู
000023
-พี่ผู้ชายสวมเสื้อยืดสีขาว นั่งที่พื้นเรือนั้น กำลังคุยกับใครบางคนทางโทรศัพท์ ถึงไม่เห็นหน้า แต่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะลอยมาเป็นระลอก ก็เดาได้ว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องทุกข์ใจอะไร(มั้ง) :>
-ส่วนเฮียที่นั่งอยู่เหนือคนที่คุยโทรศัพท์เมื่อกี้ กำลังกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย จนเราต้องค้นทาโร่รสโนริสาหร่ายที่แอบซื้อก่อนขึ้นเรือออกมากินบ้างเลย หิวเนอะ
-สาวผมทองที่เห็นอยู่ไกลๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำอะไรอยู่ แต่่เห็นว่ามากับกลุ่มสาวๆ หลายคน ก็พาลทำให้นึกถึงตอนที่ไปเที่ยวทะเลกับแก๊งสาวๆ ตอนจบปี 1 เลย
000021-ก่อนจะจบการถ้ำมอง มีผู้หญิงเดินมานั่งข้างๆ ถัดไปประมาณ 3 เก้าอี้ เธอเดินมาพร้อมหนังสือที่ถือมานั่งอ่านเงียบๆ แอบนึกได้ว่าเราก็ติดหนังสือมาด้วยเหมือนกัน ‘ณ จุดสุดท้ายของวาระพิเศษที่เราได้รับมา’ เป็นชื่อหนังสือที่เราติดกระเป๋ามาโดยไม่ได้ตั้งใจเลือก แต่ตั้งใจอ่านนะ บรรยากาศของหนังสืออึมครึมและอึดอัดไปหน่อยสำหรับเรา หนังสือทำให้เราต้องตั้งคำถามเยอะแยะไปหมด ไม่ค่อยเหมาะกับการพักผ่อนเอาซะเลย เฮ้อ แม้บรรยากาศของหนังสือจะไม่เป็นใจ แต่บรรยากาศบนท้องเรือก็ช่วยลดความอึดอัดของเราได้ไปจนถึงปลายทาง ชอบจัง
อยากไปเที่ยวอีกเนอะ.. :> (แวะมาบ่นเฉยๆ)

 

(olympus om10 x sunny 16 / krabi, thailand)

บ้านเลขที่ 222 ;

ตราบใดที่เราไม่ลืมใครคนหนึ่ง
ใครคนนั้นจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป
-วิน นิมมานวรวุฒิ 

ถ้าไม่นับนมจากอกแม่แท้ๆ ข้าวจากมือแม่จ๋าก็คงเป็นข้าวคำแรกที่ทำให้เราได้อิ่มท้องและโตมาจนถึงทุกวันนี้

////////////////

164ef7228a6e21d4f25b10dac94e990e

ถึง แม่จ๋า 

เมื่อวันก่อนโบพึ่งเล่าเรื่องตลกที่ได้อ่านจากหนังสือคู่สร้างคู่สม จนแม่จ๋ายิ้มในท่าทางออกรสในการเล่าของโบอยู่เลย (ถึงแม้จะไม่มีแรงก็เถอะ)

โบบ่นเรื่องชีวิตประจำวันของโบให้แม่จ๋าฟัง ชีวิตมันก็แบบนี้แหละลูก!

เรายังคุยเรื่องงานวัดหลังตลาดที่บ้านเรากำลังจะจัดและแม่จ๋าก็บอกว่าอยากไป

แล้วโบก็ยังเปิดพุง นวดขาให้แม่จ๋าอยู่เลย แม่จ๋าผอมกว่าโบอีกอะ 

และเมื่อวานเรายังจับมือเกี่ยวก้อยสัญญากันอยู่เลยนะ ว่าจะสู้ๆ..

: -)

แม่จ๋าจำได้มั้ยตอนที่โบอยากนั่งรถไฟ(ครั้งแรก) แม่จ๋าห่อข้าวแล้วพาโบไปขึ้นรถไฟจากแพร่ไปอุตรดิตถ์ โบยังจำได้อยู่เลยว่าระหว่างทางอากาศดี ลมพัดเย็นสบาย ข้าวเหนียวหมูทอดที่แม่จ๋าป้อนก็อร่อยมากด้วย

แม่จ๋าจำได้มั้ยตอนที่โบเป็นประจำเดือนครั้งแรก แล้วโบขังตัวเองไว้ในห้องน้ำบนบ้านชั้นสอง แม่จ๋าก็เป็นคนชวนโบคุยและบอกโบว่าที่โบเป็นนั้นคนอื่นเค้าก็เป็นกันนะลูก :3

แม่จ๋าจำได้มั้ยตอนที่โบอยากไปดูรถถังในงานวันเด็ก อยากกินลูกชิ้นปิ้งของคุณลุง แม่จ๋าก็พาโบไปดู พาโบไปซื้อ

แม่จ๋าจำได้มั้ยว่าตอนที่โบกลับไปที่บ้านแล้วบ่นอยากกินนู่น กินนี่ แม่จ๋าก็หามาให้โบกินตลอด

แม่จ๋าจำได้มั้ยตอนที่สอนโบใช้เครื่องซักผ้าครั้งแรก โบถามเยอะจนแม่จ๋าทำหน้ามู่ ว่าทำไมแม่จ๋าไม่ซักและรีดให้โบเหมือนตอนเป็นเด็ก ฮือ (ตอนนี้โบทำเป็นแล้วนะ)

แม่จ๋าจำได้มั้ยตอนที่โบต้องขึ้นเวทีประกวดหนูน้อยนพมาศ ต้องให้แม่จ๋าไปเชียร์ตลอดเลย

แม่จ๋าจำได้มั้ยเวลาโบกลับบ้านแม่จ๋าจะแอบให้ตังค์โบเสมอๆ (แต่ไม่ให้ลูกตัวเอง ฮา)

โบจำได้เสมอว่าแม่จ๋าบอกให้โบอยู่เฉยๆซะบ้าง แต่ที่โบหนีเที่ยวบ่อยๆ เพราะจะได้มีเรื่องมาเล่าให้ฟังไง ตอนนี้โบจะอยู่เฉยๆซักพักก็ได้ เพราะยังไม่รู้จะไปเล่าให้ใครฟังดี ( แต่แค่พักเดียวนะ แม่จ๋าคอยดูโบด้วยล่ะ!)

ปล1.ที่ใช้รูปแมว เพราะเราเคยเลี้ยงแมวด้วยกันไง อีซันช่าย ไอ่เต้าหมิงซื่อไง

ปล.สุดท้ายแล้วนะแม่ ทุกครั้งที่โบไปเยี่ยม โบได้ยินแม่จ๋าบ่นตลอดเลยว่าอยากกลับบ้าน วันนี้แม่จ๋าได้กลับบ้าน ไม่ต้องบ่นให้เหนื่อยแล้วนะ

โบว่าน้าา ตอนนี้แม่จ๋าต้องกำลังมีความสุขมากแน่ๆเลย ถึงได้หลับสบายแบบนี้เนี่ย..

: -)

คิดถึงเสมอ

โบ.

i’m so lucky i found you. it’s a miracle : mae la noi

สวัสดีค่ะ

เราเชื่อว่าหลาย ๆ คน คงจะยังไม่รู้จักแม่ลาน้อย เราเองก็เหมือนกัน เรารู้จักแม่ลาน้อยว่าเป็นอำเภอเล็ก ๆ ที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาสีเขียวในจ.แม่ฮ่องสอน ท่ามกลางภูเขาเหล่านั้นเต็มไปด้วยนาข้าวขั้นบันไดที่จะส่องประกายสีเหลืองทองในช่วงปลายของเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปีค่ะ

Processed with VSCO with 4 preset

เราเป็นหนึ่งคนที่ไม่แน่ใจในความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เราเองอยากร้องไห้อย่างมีที่มา มากกว่าที่จะร้องโดยไม่รู้อะไรเลย โครงการเดินทางพ่อ ( walk of the king ) นี่แหละเป็นโครงการที่ทำให้เราได้รู้จักพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 และอำเภอเล็ก ๆ อำเภอนี้มากขึ้น

ทุกครั้งที่เรามีอาหารที่ดี เราไม่ควรกินมันลำพัง ทุกครั้งที่เรามีเพื่อนที่ดี เราก็ไม่ควรให้เพื่อนกินอาหารเพียงลำพังเช่นกัน -อนุสรณ์ ติปยานนท์ จากหนังสือเพลงรักนิวตริโน

เรื่องราวดีๆที่เราพบ เราก็ไม่อยากเก็บไว้ตามลำพังเหมือนกันค่ะ : )

img_7484

ตาบุญโสม (พ่อหลวงของหมู่บ้าน) เดินทางมาพบเราพร้อมกับย่ามที่ใส่กรอบรูปมา 2 ใบ ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยในหลวงและพระราชินีของประชาชนชาวไทยเรานี่เอง ‘รูปทางซ้ายพ่อถ่าย ส่วนรูปโน้นแม่ถ่ายให้’ ตาบุญโสมเล่าพร้อมรอยยิ้ม จะมีพระราชาที่ไหนดำเนินชีวิตเรียบง่าย และใจดีขนาดนี้กันนะ..

Processed with VSCO with a6 preset

แต่ก่อนภูเขาลูกด้านหลังนี้เป็นเขาหัวโล้น เป็นไร่เลื่อนลอย แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ในหลวงทรงเข้ามาเปลี่ยนภูเขาหัวโล้นให้เป็นป่า แม้จะยาก แต่ต้องเรียนรู้ ‘รวยละตอนนี้ ไม่ได้รวยเงิน แต่รวยที่ได้กิน อยู่ดีกินดี..คิดถึงท่านเนาะ’ ประโยคที่ตาบุญโสมพูดนิ่ง ๆ แต่ว่ากินใจเรามาก

Processed with VSCO with a6 preset

ที่โครงการหลวงแม่ลาน้อย เรื่องราวต่าง ๆ ที่เราได้ฟังจากพี่เจ้าหน้าที่มันมากมายเหมือนได้อ่านหนังสือเล่มโต เคยรู้ไหมว่าก่อนที่ในหลวงท่านจะเข้ามา ที่นี่เคยปลูกฝิ่นมาก่อน แม้รู้ว่าผิดกฎหมาย แต่ในความหมายของชาวบ้านในสมัยนั้น ฝิ่นคือพืชที่นำเงิน นำอาหารมาให้ชาวบ้านได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้

Processed with VSCO with a6 preset

Processed with VSCO with 4 preset

ปี พ.ศ.2514 เป็นปีแรกที่ในหลวงและพระราชินีเสด็จเยี่ยมราษฎร พร้อมกับนำพันธุ์พืชเมืองหนาวเข้ามาให้ชาวบ้านทดลองปลูกทดแทนฝิ่น และเชื่อมั้ยที่เราประทับใจมากตอนที่ได้ยินก็คือ ชาวบ้านเลิกปลูกฝิ่นแล้วหันมาปลูกพืชเมืองหนาวโดยไม่ได้ถูกบังคับเลยซักนิด แม้ท่านจะทรงมีอำนาจที่จะสามารถทำได้ก็ตาม (ปัจจุบันพืชเหล่านี้ถูกส่งให้ทั้ง sizzler mk และซุปเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ )

Processed with VSCO with 4 preset

‘มีคนต้องมีน้ำ มีคนต้องมีป่า ถ้าไม่มีน้ำ ไม่มีป่า คนจะอยู่ได้ยังไง’

เป็นคำพูดที่เราได้ยินบ่อย ๆ จากชาวบ้าน ระหว่างที่เดินป่ากาแฟในหมู่บ้านห้วยห้อม

Processed with VSCO with 4 preset

นอกจากการปลูกข้าว ปลูกพันธุ์พืชเมืองหนาวแล้วยังมีกาแฟป่าที่ในหลวงทรงบอกกับชาวบ้านว่า กาแฟที่ดีต้องปลูกเหนือระดับน้ำทะเล และต้องปลูกในป่า กาแฟสตาร์บัคที่เราดื่มกันอยู่ทุกวัน  มาจากเมล็ดกาแฟที่ในหลวงทรงพระราชทาน สิ่งที่ในหลวงสอนไม่ใช่แค่การปลูกข้าว ปลูกพืช ปลูกกาแฟธรรมดา แต่สิ่งที่ในหลวงสอนคือการปลูกชีวิต

ชีวิตที่พ่อสร้างมันดีเกินกว่าที่เราจะหุบยิ้มได้เลยค่ะ.. 😛

Processed with VSCO with a6 preset

ฟาร์มแกะฟรีแลนซ์ ตั้งอยู่บนดอยสูงฝั่งตรงข้ามกับป่ากาแฟ ทุกคนในทริปตั้งใจเดิน แม้ว่าจะเหนื่อยแต่กลับไม่ได้ยินเสียงบ่นของใครเลย อาจเป็นเพราะเรากำลังนึกถึงพ่อหลวงของเรา เราแค่เดิน เดินโดยมีเป้าหมายเดียวกันคือเดินตามรอยเท้าพ่อ คิดถึงเนาะ คิดถึงพระองค์ท่าน วลีที่ได้ยินมาตลอดทาง อย่างที่พี่มุนินได้บอกว่าคำนี้มันแทนหัวใจคนไทยทุกคน  ซึ่งมันจริง

Processed with VSCO with a6 preset

ที่เราเรียกว่าฟาร์มแกะฟรีแลนซ์ คงเป็นเพราะว่าภาพแรกที่เราเห็นเมื่อเดินไปถึงคือลูกแกะที่พึ่งหลุดออกจากบั้นท้ายของแม่มัน เลือดแฉะๆยังคงปรากฏให้เราเห็นเต็มสองตา ซักพักก็พากันออกไปเดินเล่นเล็มหญ้าอย่างสบายใจ ยกเว้นก็แต่ตอนถูกจับตัดขนที่ถือว่ามันรับงานซะแล้ว แกะที่เริ่มต้นจากความต้องการให้ชาวบ้านใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ กลับสร้างรายได้เพิ่มอย่างไม่ได้ตั้งใจ

Processed with VSCO with a6 preset

การที่อยู่ดีดีเราก็ได้มาเจอคนแปลกหน้ายี่สิบกว่าชีวิต แต่กลับคุยกันสนุกเหมือนรู้จักกันมาแล้วสามชาตินี่มันโคตรจะดีเลยนะคะ ว่าไหม แล้วทริปนี้มันก็เป็นแบบนั้น เกือบทุกเรื่องที่เราได้พูดคุยกันมันลงล็อคไปซะหมด ทุกคนเออ-ออ ไปด้วยกันได้ สนุกมาก นอกจากพลังงานด้านบวกที่ได้รับจากคำบอกเล่าของพี่วิทยากรแล้ว ก็มียี่สิบชีวิตเหล่านี้นี่แหละค่ะ ที่ทำให้เรายิ้มได้ตลอดทั้งทริป ยินดีมากที่ได้รู้จักพลังงานดีดีแบบทุกคนค่ะ

เราอิจฉาป่าไม้ เราอิจฉาชาวบ้าน เราอิจฉาเจ้าแกะดอย เราอิจฉาที่พวกเขาเกิดและอยู่ในสถานที่ที่น่ารักแบบนี้ เราอิจฉาที่พวกเขาได้ดำเนินชีวิตที่ดีในแม่ลาน้อย แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เราก็จะรักแม่ลาน้อยอยู่ดีล่ะ

และความรักของในหลวงที่เราสัมผัสได้ในสามวันสองคืนนั้นมันมหัศจรรย์กว่าที่แอบคิดไว้ซะอีกค่ะ

 

: )

 

 

 

ปล.ขอบคุณรูปจากพี่เบนของน้อง และจากกล้องกากๆของน้องเองด้วย ❤

 

ปลายฝน ต้นหนาว เรื่องเศร้า ความรัก :

img_5599

เท่าที่จำความได้ เราไม่เคยอกหักมาก่อนเลยในชีวิต (น่าหมั่นไส้เนอะ ) ปล่าวค่ะ จริง ๆ เราแค่รู้สึกก่อนใครอีกคนเท่านั้นเอง เราเคยคิดมาเสมอว่าถ้าเรารู้สึกอะไร เราควรบอกไปอย่างตรงไปตรงมา ผลก็คือทำให้เราไม่โดนบอกเลิกเลยซักครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน เราไม่ได้โดนบอกเลิก ไม่ได้โดนทิ้ง แต่กลับรู้สึกชาเหมือนโดนบอกเลิก นี่สินะที่เรียกว่า อกหัก

เราเชื่อว่าเกือบทุกคนก็ต้องเคยทำผิด ทำพลาด ทำเรื่องที่มันไม่ถูกต้องบ้างแหละ แต่เชื่อมั้ยคะ ว่าตั้งแต่เกิดมาเราแทบไม่เคยเจอคนที่ทำไม่ดีกับเราเลย (ยกเว้นก็แต่ตอนถือป้ายในงานกีฬาสีตอนมอห้า แล้วมีกลุ่มเพื่อนที่เกลียดเราในตอนนั้นชวนกันชี้มาที่เรา พร้อมกับโห่ด่าเราระหว่างที่เรากำลังเดินขบวน ตอนนั้นคือเดินไป น้ำตาไหลไปเลย มันรู้สึกแย่มากๆ ) แต่พอเริ่มโตก็คิดได้นะ ว่าแบบบางทีเรื่องที่เราไม่ผิดก็ไม่เห็นต้องเก็บเอามาคิดให้เหนื่อยใจเลยเนาะ

อกหักครั้งแรก มันรู้สึกยังไงดีนะ ชา(มั้ง) ตอนที่ได้ยินประโยคแนว ๆ ที่ว่า ตอนนั้น..ไม่ได้นึกถึงเราเลย ลืมไปเลยว่าเราจะรู้สึกยังไง นี่แหละมันจะชา ๆ จากนั้นน้ำก็รื้น ๆ ที่ตาสุดท้ายก็ไหลออกมา ร้องไห้ก็เหมือนเป็นธุระอย่างหนึ่งในชีวิตเรา สักวันเราต้องทำธุระ สักวันเราต้องร้องไห้ หมดธุระแล้วน้ำตาก็จะหยุดไหลเอง เราไม่ชอบการร้องไห้เลย เพราะมันจะทำให้ปวดตาน่ะ

ผ่านมาเกือบ 2 อาทิตย์แล้วที่เราอกหัก(ครั้งแรก) ที่เชียงใหม่เป็นช่วงปลายของฤดูฝน ฝนตกมาหลายวันแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เรากำลังร้องไห้ จริง ๆ อกหัก ก็ไม่เจ็บ(เท่าไหร่นะ) มีฝนร้องไห้เป็นเพื่อน ก็น่ารักดีเหมือนกัน

ตอนนี้ลมหนาวเริ่มพัดมาแล้ว คงแปลว่าเข้าฤดูหนาวแล้วสินะ หลายคนบอกว่าโสดแล้วจะหนาวกว่าเดิมหลายเท่า ปีนี้เราคงต้องเตรียมตัวเยอะกว่าเดิมแล้ว ห่มผ้า2ผืน ใส่เสื้อกันหนาวหลายๆตัว คงใช้ได้เหมือนกัน

ที่จริงการบอกลาด้วยคำพูดเพราะ ๆ ยิ้มพร้อมกับร้องไห้ไปด้วยนี่ก็ดีเหมือนกัน เพราะจนถึงตอนนี้เราก็ยิ้มได้เสมอเวลาเราคิดย้อนกลับไป ขอบคุณสำหรับทุกเรื่อง ขอบคุณสำหรับอดีต จนตอนนี้ก็ยังอยากขอบคุณ

เชื่อมั้ย ว่าพี่ก็จะเคลื่อนไหวอยู่ในความคิดถึงของเราเสมอแหละ

: )

 

Lost in shirakawa-go ;

lost in shirakawa-go ; อยู่ญี่ปุ่นอย่างหมาหมา (‘^’)

เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว เราแอบหนีไปเดินเล่นที่ญี่ปุ่นมาล่ะ (แอบคิดเงียบ ๆ ที่เชียงใหม่ว่า)ถ้าได้เป็นหมาอยู่ที่ญี่ปุ่นก็คงจะดี

ห๊ะ

ห๊ะ

สารภาพตามตรงว่าก่อนไปญี่ปุ่น คิดมาตลอดว่า

‘ ญี่ปุ่น = แมว ’

 

ตัดภาพไปที่ญี่ปุ่น…

เราไปเดินเล่นที่ไหนก็จะเจอแต่เจ้าหมาน้อย หมายักษ์ไปซะทุกที่เลย อดสงสัยไม่ได้ว่านี่เราเที่ยวเหมือนหมาหรือหมากันแน่ที่แอบหนีเที่ยวเหมือนเรา (ฮา)

จุดชมวิวของหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางหุบเขาที่ชื่อชิราคาวะโกะ(Shirakawa-go : 白川郷)  หนึ่งพันสองร้อยยี่สิบหกก้าวที่ต้องเดินขึ้นเขา (อะ ล้อเล่นไม่ถึงหรอก) แต่ก็สูงพอที่จะทำให้เมื่อถึงจุดชมวิวแล้วเราต้องหอบแฮก ๆ คือเหนื่อยน่ะ ดื่มด่ำกับวิวตรงหน้าได้ไม่เท่าไหร่

Processed with VSCO with a6 preset

แฮ่ : P

Processed with VSCO with a6 preset

พี่ชิบะ ยิ้มให้เราด้วยแหละ

‘เฮ้ย พี่ชิบะแฝด น่ารัก กรี้ด’  วิ่งสิคุ๊ณณ

มันป็นคู่พี่น้องชิบะที่โดนโอบะซังกับโอจิซังจับแต่งตัวชุดใหญ่ ทั้งหมวก ผ้าพันคอ เสื้อ กางเกง เราว่ามันก็คงชอบด้วยแหละ ยิ้มหวานเลย ไอ้หมาบ้า แกเหมือนเราเลยชอบแต่งตัวเยอะ ๆ เอ๊ะ หรือว่าเราเหมือนแกนะ ไม่เป็นไรแกน่ารักถ่ายรูปด้วยกันนะ

Processed with VSCO with a6 preset

ดูพี่แกยิ้มดิ!

อาริงาโตะโกไซมัสค่ะโอบะซัง !

การเดินลงดอยธรรมดาแต่ทำไมเราตื่นเต้น เราชอบการจัดวางต้นมอสที่ผนังหินระหว่างทาง เราชอบน้ำใส ๆ ที่ต่อท่อไม้ธรรมดาทำให้มนุษย์นักท่องโลกอย่างเรา ๆ สามารถแวะดื่มคลายร้อนได้ รวมถึงทางน้ำใสแจ๋วที่หากเจ้าหมานักท่องโลกเกิดร้อนขึ้นมาก็สามารถแวะเล่นได้ด้วยนะ ว่าแล้วเราขอแวะเล่นน้ำหน่อยแล้วกัน

Processed with VSCO with a6 preset

พี่หมาขาว ไม่ใช่หมีขาว 

‘กรี้ดด พี่หมาขาว(ไม่รู้สายพันธุ์) ท่าทางกำลังร้อน เพราะแกกำลังเล่นน้ำเหมือนเราเลย ร้อนเนอะ

..

‘ พี่แบงค์ เหนื่อยแล้วเราไปหาติมกินกันมั้ย ? ’

‘ ปะ ๆ ไปหาติมกินกัน ’

‘ พี่แบงค์ พี่หมาเฟร้นบลูด็อกกำลังเหนื่อยเหมือนโบแน่เลย ดูดิ 555 ’

Processed with VSCO with a6 preset

เราเหนื่อยเหมือนกันเลย แฮ่ก ๆๆ

‘ทำไงดี’  ‘อ้อนสิโว้ย เจ้ามนุษย์’

1.00 pm กินข้าวได้!

ยิ้ม : ))))))))))))))))))) (รู้นะ ว่าแอบยิ้มอยู่)

ถ้าเคยดูหนังเรื่อง Hachi A dog’s tale จากเรื่องจริงของหมาชื่อ ฮาชิโกะ หมาที่เฝ้ารอรับเจ้าของที่สถานีรถไฟทุกวัน จนกระทั่งเจ้าของเสียชีวิตไปแล้วฮาชิโกะก็ยังคงรอ รอเป็นเวลาหลายปี จนในที่สุดมันก็ตาย

ความซื่อสัตย์ที่มันมีทำให้เราไม่แปลกใจในความรักความเอ็นดูของมนุษย์มนาชาวญี่ปุ่นที่มีต่อหมา เราว่าส่วนหนึ่งพี่ยุ่นน่าจะดูหนังแล้วอินเหมือนเราแหละ(หมาดังนะเฮ้ย)

4.00 pm กลับที่พักได้
วันนี้ดีมากเลย มนุษย์นักท่องโลก เจ้าหมานักท่องโลก เราทั้งหมดต่างก็เป็นนักท่องโลก จริง ๆ เราแค่มาเดินเล่นในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่หลังขุนเขา หมู่บ้านที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติจนเหมือนว่าจะกลืนกันเป็นก้อนเดียว แม่น้ำโช(Shogawa) ที่คอยหล่อเลี้ยงให้เหล่าเกษตรกรภายในหมู่บ้าน เรายิ้ม ยิ้ม ที่หมายความว่า ‘มีความสุขมาก’

อืม ยังไงดีอะ มาลองเป็นหมาที่ญี่ปุ่นกันนะ เอ๊ะ มาลองเป็นหมาที่ญี่ปุ่นกันมั้ย ไม่สิ!

พอ/ พอเถ๊อะ

เราว่ากลับที่พักแล้วดีกว่า ลาก่อนค่ะ ไว้เจอกันใหม่นะ

Processed with VSCO with a6 preset

Processed with VSCO with a6 preset

กรี๊ด นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ ‘ what’s up dude! ’ สนิทเชียว อ้าวก็เพื่อนกัน

さよならワンちゃん : P

/ลาก่อน เจ้าหมาเพื่อนรัก

 

photo by @bankpyt

Quiet days in takayama ;

Quiet days ; วันเงียบ ๆ ที่ไม่เงียบเลย

Processed with VSCO with a6 preset

“ อยู่ที่ไหนใคร ๆ ก็อยากดูพระอาทิตย์ ”

วันที่เราเขียนเป็นวันพฤหัสบดี วันธรรมดาในทาคายาม่าผู้คนบางตา ที่ที่คนพลุกพล่านที่สุดในเวลานั้นคงเป็นสถานีรถไฟ มีความหวังที่สถานีรถไฟ มีความเศร้าที่สถานีรถไฟ มีความไร้เดียงสาที่สถานีรถไฟ มีความอบอุ่นที่สถานีรถไฟ  เราว่ารถไฟคงไม่ต่างอะไรกับพระอาทิตย์ รถไฟแล่นเข้าชานชาลา ถึงเวลาก็แล่นผ่านไป…

“ อยู่ที่ไหนใคร ๆ ก็อยากดูรถไฟ ”

อย่างน้อยก็เราคนนึงล่ะ :- )

หลังจากเดินเล่นมาครึ่งค่อนวัน อากาศร้อน ๆ ในยามบ่ายทำให้เรารู้สึกเพลีย พี่แบงค์บอกว่าจะพาไปกินเบนโตะที่ร้านดังในทาคายาม่า เราเดินวนหาร้านอยู่นาน (แต่ไม่ได้หลงทางนะ พี่แบงค์บอกมาแบบนี้) แต่ก็ยังไม่เจอซักที

“、リサイクルまで エコロジーから始まる新たな価値の創造へ ? ”

ภาษาญี่ปุ่นฉบับคนท้องถิ่นดังเข้ามาในหู จนเราต้องหยุดยืนมอง เราฟังไม่ออก แต่เรารู้ว่าคำพูดและน้ำเสียงที่โอบะซัง(คุณป้า) พูดนั้นเต็มไปด้วยความยินดี และก็น่าจะมีความสุขด้วยแหละ เพราะเราเห็นโอบะซังยิ้มกว้างมากเลย อืม..เดาว่าหนุ่มน้อยในชุดนักเบสบอลคนนั้นน่าจะพึ่งชนะเกมการแข่งขันมา

นายกำลังดีใจสินะ ถ้าอย่างนั้น เราก็ดีใจด้วย : )

Processed with VSCO with a6 preset

ฮ๊าาาา /  เราชอบที่นี่จัง

“ 安全に関わる基礎的な知識の習得はもちろん”

เราได้ยินอีกแล้ว อีกครั้งที่เราหยุดเดิน ฮือ คราวนี้เจอทั้งโอบะซัง(คุณป้า) และโอจิซัง(คุณลุง) ตะโกนเจื้อยแจ้วข้ามฝั่งถนนเล็ก ๆ และเป็นอีกครั้งที่เราฟังไม่ออกเช่นเคย(โธ่เอ๊ย ญี่ปุ่นที่ร่ำเรียนมา)

เราแอบยืนอมยิ้มจนโอจิซัง(คุณลุง) สังเกตได้ เอ๊ะ หรือยิ้มแอบ ๆ ของเรามันกว้างไปนะ โอจิซังหันมาทักเรา แต่พอรู้ว่าเราไม่ใช่คนที่นั่นก็ยังพยายามสื่อสารกับเราเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะ โอจิซังผู้น่ารัก เหลือบไปเห็นป้ายด้านหลังเราไม่แปลกใจเลย เพราะไอ้  ただに  หรือ ただ มันแปลว่า ง่าย ๆ สบาย ๆ เหมือนโอจิซังคนนี้เลย

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะทาดะโอจิซัง !

Processed with VSCO with a6 preset

Processed with VSCO with a6 preset

ขนมที่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร รู้แต่ว่าอร่อยมาก

คอนนิจิวะ !
เราลากขาล้า ๆ กลับมาที่โฮสเทล กะจะนอนตากแอร์ซักหน่อย คุณพนักงานก็เรียกเราไปบอกว่าเย็นนี้จะมีงานเทศกาลฮานาบิ ห้ะ ฮานาบิไม่ใช่ฮานามินะ ความทรงจำในสมองเราทำงานอย่างรวดเร็วจนหลุดปากถามไปว่า งานที่มีดอกไม้ไฟใช่มั้ย? ‘ไฮ่ ยูโน้วอิท’ ‘เยป ไอโนว กีสส’ เอ้า ไฮไฟว์

สุดท้ายเราก็ลากขาล้า ๆ ออกไปดูเทศกาลฮานาบิ ที่ริมแม่น้ำมิยากาว่า ที่น่าตื่นเต้นกว่าดอกไม้ไฟก็คนญี่ปุ่นนี่ล่ะ เราชอบมากที่เกือบทุกคนพากันใส่ชุดยูกาตะเดินกันทั่วเมืองเพื่อไปนั่งดูดอกไม้ไฟ ใครบ้านไกลก็ต้องจูงมือกันเดินไปนั่งริมแม่น้ำ โอจิซังบ้านใกล้ก็เปิดหน้าต่างนั่งดูกัน เราไม่มีภาพดอกไม้ไฟ แต่เราดูเผื่อทุกคนแล้วล่ะ

“ หรือว่าอยู่ที่ไหนใคร ๆ ก็อยากดูดอกไม้ไฟนะ ”

อ้าว ตกลงคนญี่ปุ่นเค้าอยากดูอะไรกันแน่เนี่ย…. :#

photo by : @bankpyt

เมื่อวันก่อน.

000023.JPG

ฉันยังจำความรู้สึกแรกตอนที่มองเห็นพี่ยืนกางแขนรอที่สนามบิน..

ความเอื่อยในการการก้าวเดินของฉันค่อยๆไวขึ้น  เมื่อฉันเห็นชายที่สวมเสื้อยืดสีขาวตัวเก่งกับยีนขายาวสีซีด รองเท้าหนังสีน้ำตาลตุ่นที่มองเห็นแวบแรกก็รู้ได้ทันทีว่าผ่านการใช้งานมาอย่างหนัก

000013

000014

.

พี่ยังคงเป็นคนเดิมของเราเสมอ เรายืนกอดกันอยู่พักใหญ่ จนรู้สึกว่ามันชักจะนิยายเกินไปสักหน่อย จึงไปหาที่นั่งคุยกัน  เราเลือกนั่งกันที่ศูนย์อาหารเหตุเพราะพี่หิว พี่รู้ไหม ว่าแค่ได้เห็นหน้าพี่ ใจหนูมันก็อุ่นมากแล้ว : )

000009.JPG

เช้านี้เราจะไปทะเลกัน..                                                                   ว่ากันว่าคนไปทะเลไม่หนีร้อนก็หนีรัก สำหรับฉัน ฉันไปทะเลพร้อมกับพี่ พี่เป็นความรัก : )

000017.JPG

สีชังที่ตัดสินใจไปกันแบบงงๆ เป็นเกาะเล็กๆไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ค่าเดินทางถูก ที่พักสะดวกสบายเพราะมีให้เลือกทั่วเกาะ สองวันหนึ่งคืนที่ได้พบ เราไม่ได้สนิทสนมกับสีชังขนาดที่ว่าเจอทีไรต้องกระโดดกอดกันเหมือนที่เรากระโดดใส่พี่

12654300_10205872011454586_7798200504515007225_n (1)

เราว่าสีชังเป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆกลางทะเล  เราชอบที่นี่ตรงที่ยังคงความสงบไว้ได้ดีแม้จะมีคนเข้ามาทำความรู้จักอยู่ไม่ขาด หลายหาดที่สีชังพาเราไปทำความรู้จักสวยกว่าหาดที่ถูกปักหมุดให้ลงเล่นน้ำได้  แต่กลับมีขยะให้เห็นเกลื่อนจนความสบายตาลดเลือนกลายเป็นความไม่สบายใจ  ถ้าสีชังจะมีคนไปเที่ยวน้อยกว่าเกาะอื่นๆในประเทศไทย เพราะไม่สะอาด เราจะไม่โทษสีชังแต่เราจะขอพูดว่าเป็นความไม่จริงใจของมนุษย์

000013

น่าแปลก มนุษย์ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ตามมักอยากตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น หรือนั่งรอพระอาทิตย์ตก  หากแต่ใครได้มีโอกาสเปิดมาอ่านโลกคงเหมือนกับมนุษย์  อยากตื่นมาเห็นโลกสะอาด และหลับไปพร้อมกับความสุขเช่นกัน เราทุกคนมีสองมือก้มลงหยิบคนละชิ้นสองชิ้นคงไม่เสียหายอะไร  เรามีความสุข คุณมีความสุข โลกก็คงจะมีความสุขนะ

ว่าแล้ว..

ขยะอยู่หัวมุมห้อง เราขอตัวหยิบไปทิ้งก่อนล่ะ

000025

940853_10205872012174604_6582982597909282737_n

000027

000026

000034

000033

000036

000039

000032

000037

000011

000019

000012

 

 

 

 

โบ.

with olympus om-10 x tudor color 200